
เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความเจริญมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยดูได้จากการจัดอันดับโลกในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านคุณภาพชีวิต ขีดความสามารถในการแข่งขัน ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ระบบสวัสดิการ หรือความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เดนมาร์กจะติดในอันดับ Top 5 ของโลกแทบทั้งสิ้น ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เดนมาร์กซึ่งเป็นประเทศเล็กมีประกรเพียง ๕.๘ ล้านคน แต่มีความเจริญอยู่ในแนวหน้าของโลกก็คือ “คุณภาพของประชากร” ซึ่งวางรากฐานการพัฒนามาตั้งแต่วัยเด็กภายใต้ระบบการศึกษาที่เข้มแข็งและเปิดกว้างให้เด็กได้เล่นได้ใช้จินตนาการและความคิดได้อย่างอิสระเสรี ทำให้เด็กสนุกกับเรียนรู้และมีความสุขตามวัยของเด็กที่ควรจะได้รับในช่วงต้นของชีวิตและเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพในทุกช่วงวัยด้วยระบบการศึกษาที่ได้รับการออกแบบที่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถปลดปล่อยศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านการศึกษาของเดนมาร์กที่น่าเรียนรู้
Highlights:
- แนวคิด Play & Learn การศึกษานอกกรอบห้องเรียน
- PlayLab ห้องทดลองฝึกครูพันธุ์ใหม่
- Experimentarium ห้องจำลองการเรียนรู้นอกห้องเรียนศาสตร์ต่างๆ ด้วยการเล่น
- Folk High School สถานที่ฝึกวุฒิภาวะสู่ความเป็นผู้ใหญ่
- Copenhagen International School การเรียนรู้ด้วยกิจกรรม
- Library and Culture Center แหล่งเรียนรู้ของชุมชน
- Cortex Park ศูนย์บ่มเพาะสำหรับคนวัยทำงาน
- บทสรุป : การพัฒนาคนต้องมาก่อนเป็นลำดับแรก
แนวคิด Play & Learn การศึกษานอกกรอบห้องเรียน
เดนมาร์กให้ความสำคัญกับครอบครัว ประชากร และการศึกษาที่มีคุณภาพสูง โดยมีปรัชญาการศึกษา คือ การเรียนรู้ของมนุษย์จากประสบการณ์ที่สนุกและเพลิดเพลิน การจัดการศึกษาเด็กเล็กจึงเน้นในด้าน play & learn สำหรับเด็กโตก็ยังคงเน้น play & learn แต่ใส่ภาคทฤษฎีเข้าไปด้วย โรงเรียนในเดนมาร์กตั้งเป้าหมายการจัดการเรียนการสอนว่าผู้เรียนจะต้องมี 6C ได้แก่
- Character of Education
- Citizenship
- Collaboration
- Communication
- Critical Thinking
- Creativity
บางแห่งติดคติพจน์ประจำสถานศึกษาไว้ว่า Compassion/ Integrity / Creativity / Inclusion / Growth โรงเรียนจะปลูกฝังให้นักเรียนมีคุณลักษณะดังกล่าวด้วยการออกแบบกิจกรรมเรียนปนเล่น ใช้การเล่นหล่อหลอมให้เด็กรู้จักตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์สูง กล้าแสดงความคิดเห็น มีความกระตือรือร้น ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันเป็นทีม ปลูกฝังจิตสำนึกรู้หน้าที่ของตน มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมและอยู่ร่วมกันบนฐานของการไว้ใจซึ่งกันและกัน (Trust-Based Society) เดนมาร์กให้ความสำคัญกับการปล่อยให้เด็กเล่นได้อย่างอิสระ ต่างจากวัฒนธรรมการศึกษาของไทยที่มุ่งให้เด็กอยู่ในห้องเรียนอยู่กับตำราและการท่องหนังสือ และมองว่าเด็กที่ชอบออกไปเล่นคือเด็กเหลวไหลไม่เอาถ่านหรือเกียจคร้าน ในขณะที่สังคมเดนมาร์กสนับสนุนให้เด็กได้ออกไปเล่น ให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติและสำรวจเรียนรู้คนและสิ่งที่อยู่รอบตัว จนมีผู้ออกมาเขียนบทความว่าแนวทางการเลี้ยงดูเด็กของเดนมาร์กนั้นสมควรจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
PlayLab ห้องทดลองฝึกครูพันธุ์ใหม่
เดนมาร์กมีสถานฝึกครูซึ่งเรียกว่า PlayLab ในหลายเมืองเพื่อให้ครูได้คิดนอกกรอบโดยใช้หลักการ “Play and Learn” ที่มุ่งเปลี่ยนความคิดครูที่สอนแบบดั้งเดิม โดยจัดให้ครูได้มีประสบการณ์ตรงจากการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของเด็กที่สนุกกับการเล่น และออกแบบแผนการสอนโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Play Wheel ที่กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวการสอน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และทดลองจนเข้าใจทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นแนวทางการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพในการทำให้เด็กเกิดความสนุกกับการเรียนและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ สถาบันผลิตครูทั่วประเทศจึงต้องมี PlayLab เป็นห้อง ทดลองของครู ซึ่งทำให้ครูเห็นบทบาทตนเองชัดขึ้นและสร้างนวัตกรรมด้านการเรียนการสอนใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

ครูเดนมาร์กไม่ใช่เพียงผู้สอนแต่มีบทบาทสำคัญ ๒ ประการคือ ๑) การสร้างสถานการณ์หรือให้โจทย์เพื่อพัฒนานักเรียนตามคุณลักษณะและสมรรถนะที่ต้องการ โดยการฝึกครูให้คิดนอกกรอบด้วย PlayLab ปรับ mindset ที่ใส่ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของเด็กลงไป และร่วมตั้งโจทย์ตั้งคำถามที่เรียนรู้ไปกับเด็ก ไปสู่การหาข้อมูลคิดวิเคราะห์ และหาทางออกหรือคำตอบในที่สุด และ ๒) ติดตามดูพัฒนาการของนักเรียนแต่ละคน และประเมินตามศักยภาพรายบุคคลแทนการทดสอบมาตรฐาน และให้ feedback เพื่อให้นักเรียนพัฒนาต่อโดยทำงานร่วมกับผู้ปกครอง ซึ่งทำให้มีข้อสรุปร่วมกันและในท้ายที่สุดนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง ครู-นักเรียน-ครอบครัว
Experimentarium ห้องจำลองการเรียนรู้นอกห้องเรียนศาสตร์ต่างๆ ด้วยการเล่น
เดนมาร์กมีพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด สวนป่า สวนเด็กเล่นที่มีคุณภาพอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นเยี่ยมของเด็กเดนมาร์ก สถานที่เหล่านี้ล้วนมีการจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กได้เล่นได้ฝึกการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นคำตอบว่าทำไมเดนมาร์กถึงเป็นประเทศแห่งนวัตกรรม เพราะมีการฝึกให้เด็กได้ใช้ความคิดและจินตนาการอย่าง ไม่มีข้อจำกัดมาตั้งแต่วัยเยาว์ หนึ่งในตัวอย่างของนวัตกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ใช้การเล่นเป็นตัวนำคือ Experimentarium ในกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วยเครื่องเล่นทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีการออกแบบให้เป็นห้องปฏิบัติการทดลองขนาดใหญ่ที่จำลองเครื่องเล่นสำหรับเด็กมาจากของจริงในศาสตร์ทุกแขนงที่ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีการใช้จิตวิทยาแห่งการเรียนรู้เพื่อดึงดูดให้เด็กมีความกระหายใคร่รู้ เด็กได้มีประสบการณ์เล่นจากของจริงโดยการสัมผัส ควบคุมและเล่นจริงทำจริงโดยใช้มือและสมอง และแก้ไขปัญหาจากการสังเกตจนเกิดความจำและเข้าใจด้วยตนเอง Experimentarium ใช้หลักการ Play & Learn เช่นเดียวกับ PlayLab โดยเป็นพื้นที่เปิดเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการเล่นอย่างมีความหมายโดยสามารถเล่นได้พร้อมครอบครัว และสามารถเชื่อมโยงสู่ชีวิตและกิจกรรมประจำวัน

Folk High School สถานที่ฝึกวุฒิภาวะสู่ความเป็นผู้ใหญ่

โรงเรียน Folk High School มีอยู่ ๖ แห่งทั่วประเทศเดนมาร์ก เปิดสอนหลักสูตรด้านศิลปะใน ๔ สาขา ได้แก่ การแสดง ดนตรี ภาพยนตร์ และภาวะผู้นำ ระยะสั้น ๖ เดือน แบบโรงเรียนประจำ รับนักเรียนปีละประมาณ ๘๐ คน ที่จบชั้นมัธยมปลายและกำลังจะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย (gap year) เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาค้นหาตนเองและเตรียมเปลี่ยนผ่านจากเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ หนึ่งในโรงเรียน Folk High School คือ Roskilde Festival Folk High School ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Roskilde โดยมุ่งให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเตรียมงาน “Roskilde Festival” ซึ่งเป็นงานคอนเสิร์ตประจำปีของเมือง Roskilde ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนอร์ดิกและเป็นหนึ่งในงานคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ละปีจะมีผู้เข้าชมมากกว่าหนึ่งแสนคน แนวทางของหลักสูตรทำให้นักเรียนได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงของการจัดการเทศกาลขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายความสามารถทุกด้านที่ต้องอาศัยการวางแผน การจัดการ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น การแบ่งงานกันทำ การแบ่งความรับผิดชอบ ภาวะผู้นำ การฝึกความเป็นประชาธิปไตยจากการที่ต้องอยู่ร่วมกันกว่า ๖ เดือน และการสร้างสรรค์งานทางศิลปะแขนงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานเทศกาลดนตรี เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายโดยมีอาจารย์ให้ความรู้ที่ต้องการใช้ในการจัดงานและอาจารย์ก็จะทำงานร่วมกับนักเรียนไปด้วย โดยโรงเรียนได้รับการสนับสนุนงบประมาณที่มาจากรายได้การจัดงาน Roskilde Festival

Folk High School ไม่มีการสอบเข้าแต่จะใช้ระบบใครมาสมัครก่อนได้ก่อน ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านศิลปะ และไม่มีการสอบวัดผลเมื่อจบหลักสูตร (no prerequisites, no exams and no grades) แต่จะมีการประเมินติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของนักเรียนแต่ละคนไปตลอดทางของหลักสูตร ซึ่ง ถือเป็นนวัตกรรมการเรียนการสอนของเดนมาร์กในการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนผ่านการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติจากสถานการณ์จริง ซึ่งช่วยสร้างวุฒิภาวะให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยหรือระดับการศึกษาที่สูงขึ้น
Copenhagen International School การเรียนรู้ด้วยกิจกรรม
Copenhagen International School เป็นโรงเรียนจัดการศึกษานานาชาติที่ใช้โปรแกรม International Baccalaureate (IB) ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา มีความโดดเด่นด้านสถานที่ตั้งที่ยื่นไปในทะเลมีน้ำล้อมรอบ เป็นอาคารที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ภายในมีการออกแบบและจัดสภาพแวดล้อมที่มุ่งให้ทุกพื้นที่ของโรงเรียนเป็นพื้นที่เรียนรู้ มีพื้นที่เปิดหลากหลายให้นักเรียนในวัยต่างๆ ได้เล่น ได้จับกลุ่มทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดได้อย่างอิสระ เช่น การมี rooftop bar อยู่บนพื้นที่ดาดฟ้าของโรงเรียน มีโซฟาในบรรยายที่ผ่อนคลายที่จะช่วยให้นักเรียนได้จับกลุ่มแลกเปลี่ยนความเห็นและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ หรือการฝึกหัดให้เด็กได้ใช้ความสังเกตและเรียนรู้กิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ จากสภาพแวดล้อมรอบตัวและโรงเรียน อาทิ การใช้ประโยชน์จากท่าเรือที่มองเห็นได้จากอาคารเรียน ครูจะนำเด็กนักเรียนมาสังเกตกิจกรรมของท่าเรือและตั้งคำถามหลากหลายให้เด็กได้คิดและหาคำตอบซึ่งทำให้เด็กสนุกกับการเรียน
Library and Culture Center แหล่งเรียนรู้ของชุมชน
ตามเขตชุมชนต่างๆ ของเดนมาร์กจะมีศูนย์วัฒนธรรมซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่อยู่ในพื้นที่ของสำนักงานเขต ที่คนในชุมชนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายในศูนย์ฯ จะมีการจัดแบ่งพื้นที่ประกอบด้วย open space ที่ใช้งานได้หลากหลาย maker space ที่มีเครื่องมือสื่อและอุปกรณ์การฝึกอาชีพพร้อมอาสาสมัครผู้สอน เช่น ห้องกลุ่มงานฝีมือถักนิตติ้ง กลุ่มสอนการบ้านเด็ก กลุ่มเย็บถุงผ้าทำจากเสื้อผ้าเก่าของตนเองเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กลุ่มสอนซ่อมจักรยาน reading space เป็นส่วนของห้องสมุดที่สะดวกสบายซึ่งมีหนังสือตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงผู้สูงวัย โดยรัฐเป็นผู้จัดหาหนังสือที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนนั้นๆ learning space และ working space มีห้องประชุม ห้องนำเสนองาน พร้อมคอมพิวเตอร์ให้ใช้งาน ห้องสำหรับการแสดง และร้านอาหารโดยแม่บ้านที่อยู่ในชุมชน แนวคิดของศูนย์ฯ มุ่งนำคนในชุมชนมารู้จักและพบปะกันและทำกิจกรรมร่วมกัน เกิดเครือข่ายของชุมชนและความไว้วางใจกันในลักษณะของ trust-based community ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนจาก people talk about people เป็น people talk to people เสริมสร้างความรู้สึกการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและให้สมาชิกชุมชนช่วยเหลือกันตามความถนัดที่แต่ละคนมี เป็นการจัดการให้อุปสงค์และอุปทานได้มาเจอกันเองในชุมชน ลดความแตกต่างและความเหลื่อมล้ำของคนให้สามารถรู้จักกัน พูดคุยกัน เป็นเพื่อนกัน และช่วยให้ปัญหาอาชญากรรมในชุมชนลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cortex Park ศูนย์บ่มเพาะสำหรับคนวัยทำงาน
เดนมาร์กเป็นประเทศที่ลงทุนสร้างคนเพื่อพัฒนาประเทศ เพราะความจำเป็นที่ประชากรน้อยเพียง ๕.๘ ล้านคน แต่ต้องพัฒนาประเทศให้อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก จึงมุ่งเน้นการพัฒนาคนและวางรากฐานทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลเมืองที่คุณภาพและมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงเพื่อไปสู่การต่อยอดทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เมื่อประชากรของประเทศเข้าสู่วัยทำงาน เดนมาร์กยังสร้างศูนย์วิจัยและบ่มเพาะอย่างเช่น Cortex Park ที่สนับสนุนการเรียนรู้ การสร้างนวัตกรรม และการผลิตผลงานเพื่อให้ตั้งตัวเป็นบริษัทและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

Cortex Park เมือง Odense เป็นความร่วมมือระหว่าง University of Southern Denmark (SDU) กับ UCL University College มียุทธศาสตร์ที่จะทำให้เมือง Odense เป็นศูนย์กลางของการศึกษาค้นคว้าวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าของยุโรป มีการทำงานร่วมกัน ๔ ฝ่าย คือฝ่ายหาทุนวิจัยให้กับนักศึกษาที่นำเสนอโครงการวิจัยกับบริษัทที่สนใจและให้ทุนบ่มเพาะนักศึกษาด้วยโจทย์วิจัยด้านการแพทย์โดยจัดพื้นที่ทำงานให้ใน Cortex Park ฝ่ายเอกชนผู้ประกอบการในการ pitching งานของกลุ่ม startup เพื่อนำไปต่อยอดทางการตลาด ฝ่ายสนับสนุนงานนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์ทางการแพทย์ และฝ่ายมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลโดยมีเป้าหมายสู่การเป็น super hospital และศูนย์การแพทย์ระดับโลกที่มีอุปกรณ์ทันสมัยและหุ่นยนต์ทางการแพทย์ครบวงจร กล่าวได้ว่า Cortex Park กระตุ้นให้เกิดงานนวัตกรรมทางการแพทย์ และเป็นศูนย์บ่มเพาะนักวิจัยไปสู่การพัฒนาผลงานให้ใช้ได้จริงในทางเศรษฐกิจ

บทสรุป : การพัฒนาคนต้องมาก่อนเป็นลำดับแรก
นวัตกรรมการศึกษาของเดนมาร์ก คือการคิดนอกกรอบ ยกแนวคิดการเรียนในห้องเรียนออกไป และใช้แนวคิดการ ‘เรียนปนเล่น’ นักเรียนทำกิจกรรมไปพร้อมกับครูเพื่อฝึกทักษะชีวิตให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้เองจากการสังเกตและคิดวิเคราะห์ในทุกสถานการณ์และธรรมชาติที่อยู่รอบตัว เด็กเดนมาร์กเป็นเด็กที่มีความสุขและความสนุกเพราะได้รับการปล่อยให้ใช้จินตนการโดยไม่ถูกตีกรอบและได้รับการพัฒนาศักยภาพตามความชอบและความถนัดของตนเอง ขณะเดียวกันก็ได้รับการปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะและค่านิยมร่วมจากการลงมือทำไม่ใช่การท่องจำ เด็กเกิดความเข้าใจด้วยประสบการณ์ตรงและนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที บทบาทครูไม่ใช่เพียงผู้สอนแต่เป็นผู้ที่ต้องเล่นและเรียนรู้ไปกับเด็ก เดนมาร์กใช้นวัตกรรมการฝึกครูด้วยการดึงความรู้สึกของการเป็นเด็กกลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ครูเข้าใจเด็กได้อย่างถ่องแท้และออกแบบการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก
การลงทุนด้านการศึกษาของเดนมาร์กนั้นเรียกได้ว่า ‘เก็บตกทุกคนทุกวัย’ ตั้งแต่วัยเด็กในโรงเรียนที่เน้นการเรียนรู้จากการเล่น เข้าสู่วัยเข้ามหาวิทยาลัยที่มีการเตรียมพร้อมทางวุฒิภาวะในช่วง gap year เมื่อเข้าสู่วัยทำงานยังมีศูนย์บ่มเพาะให้คนสร้างสรรค์นวัตกรรม จนถึงวัยเกษียณที่มีศูนย์วัฒนธรรมชุมชนมีอาสาสมัครให้การแนะนำและห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้ เดนมาร์กจึงเป็นสังคมที่มีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เพราะมีการสร้างสภาพ แวดล้อมทางการศึกษาให้ทุกที่ทุกหนแห่งเป็นแหล่งของ ‘การเรียนรู้ไปตลอดชีวิต’ โดยมีทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามาช่วยกันลงขันไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ อาสาสมัคร และมูลนิธิของบริษัทเอกชนต่าง ๆ ที่คืนกำไรให้สังคมด้วยการให้ทุนสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ ถือเป็นการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคนก่อนการพัฒนาเศรษฐกิจโดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และนำคุณภาพของคนมาเป็นตัวขับเคลื่อนความเจริญทางเศรษฐกิจจนทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่สามารถส่งออกเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูงไปได้ทั่วโลก
ขอบคุณบทความจาก: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน
สอบถามเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ : Facebook
TNIU – Thailand and Nordic Countries Innovation Unit